วันเสาร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

"พระพุทธเจ้า" เป็นเช่นไร...

ผู้คนจำนวนไม่น้อย...สดับชื่อ “พระพุทธเจ้า” แล้ว...ก็พลันบังเกิดศรัทธาปสาทะแทบปรี่ล้น...เกิดพลังใจใฝ่ดี ใฝ่หลุดพ้นจากห้วงทุกข์อย่างสุดใจ...แต่ก็มีอีกไม่ใช่น้อย...เมื่อได้ยินการเอ่ยถึงพระศาสดา...ต่างนึกประหวั่นพรั่นพรึง...เกิดหวาดกลัว...ไม่ชอบใจ...ไม่ศรัทธาเลื่อมใส...กระทั่งบางคนที่มืดบอดหนัก...อาจเผลอนึกคิดผิดๆ เสียด้วยว่า... “พระพุทธเจ้า น่าจะไม่มีอยู่จริง” โอ...ช่างน่าอนาถ น่าสงสารยิ่งนัก ผู้เช่นนั้น

ท่านทั้งหลาย...สัจจะความจริง คือ สิ่งที่ดำรงอยู่...แบบไม่สามารถจะลบหายหรือลืมเลือน...ทั้งไม่อาจบิดเบือนให้เป็นอื่นไป...ความจริง ก็คือ ความจริง...มิกลายเป็นความเท็จได้เลย...ตรงกันข้าม...ความเท็จ ก็คือ ความเท็จ...มิอาจแปรเปลี่ยนเป็นความจริงได้เลย ประดุจเดียวกัน...และสัจจะอันหนึ่งที่โลกจารึกแล้ว...ไม่มีวันผันแปรผิดเพี้ยนเปลี่ยนไป...ก็คือ...พระพุทธเจ้ามีจริง...พระธรรมคำสอนมีจริง...พระสงฆ์สาวกที่รู้ตามเห็นตามพระพุทธองค์ก็มีจริง...ฉะนั้น...ไม่ควรพะวงสงสัยนึกดูถูกดูหมิ่น...ให้เป็นบาปกรรมซ้ำเติมชีวิตตัวเองเลย...หรือหากประสงค์ใคร่รู้ความจริงทุกสิ่งอย่างตามความเป็นจริง...ก็จงเพียรศึกษาและปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนเข้าเถิด...ย่อมจะรู้เองเห็นเอง

ทีนี้...แม้นเมื่อเราเชื่อแล้วว่า พระบรมศาสดาทรงมีจริง...เราหมั่นสักการบูชาท่านด้วยดอกบัวเสมอ...แต่พอจะทราบกันบ้างไหม...พระพุทธองค์เป็นเช่นไร...หฤทัยของบรมครูเจ้า...เป็นอย่างไร...สิ่งนี้ คือ ความสำคัญต่อเนื่อง...ที่ผู้เลื่อมใสศรัทธา...ก็ยังคงต้องศึกษาหาคำตอบกันต่อไป...แต่อยากรู้ไหม...พระพุทธเจ้าของเรา...เฉลยความจริงส่วนพระองค์ไว้อย่างไร...ถ้าอยากรู้ ก็มารู้กันเลย... 

พระจอมไตรโลกนาถตรัสถึง สภาวะที่พระองค์ทรงเป็นอยู่...ไว้ใน “โทณสูตร (องฺ. จตุกฺก. [๓๖]) ว่า...
...นี่แน่ะพราหมณ์ ดอกอุบลก็ดี ดอกปทุมก็ดี ดอกบุณฑริกก็ดี เกิดในน้ำ เจริญในน้ำ แต่ขึ้นมาตั้งอยู่พ้นน้ำ น้ำไม่กำซาบเข้าไปได้ ฉันใด, เราก็ฉันนั้น เกิดในโลก เติบใหญ่มาในโลก แต่เราอยู่เหนือโลก โลกไม่เข้ามากำซาบ (ใจเรา) ได้, แน่ะพราหมณ์ ท่านจงจำเราไว้ว่า “เป็นพุทธะ”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น