วันจันทร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2558

พระมหากรุณาธิคุณ...จากพระหฤทัยศาสดา




พระมหากรุณาธิคุณจากพระหฤทัยศาสดา
 
“ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตถาคตเป็นอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ พวกเธอจงเงี่ยโสตสดับ เราได้บรรลุอมตธรรมแล้ว เราจะสั่งสอน จะแสดงธรรม พวกเธอปฏิบัติอยู่ตามที่เราสั่งสอนแล้ว ไม่ช้าสักเท่าไร จักทำให้แจ้งซึ่งคุณอันยอดเยี่ยม อันเป็นที่สุดแห่งพรหมจรรย์…”

ปฐมเทศนา วิ.  มหา.  [๑๒]

วันจันทร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2558

พระมหากรุณาธิคุณ...เพื่อเวไนย์



ท่านผู้เจริญทั้งหลาย เชิญมารับฟังด้วยกันเถิด...ถึงความห่วงใยจาก...พระหฤทัยบริสุทธิ์แห่งองค์ศาสดา!!!

ว่าด้วยสัทธรรมแท้ และ สัทธรรมปฏิรูป


พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า...

                ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว ตะโพนชื่ออานกะของพวกกษัตริย์ผู้มีพระนามว่า ทสารหะได้มีแล้ว เมื่อตะโพนแตก พวกทสารหะได้ตอกลิ่มอื่นลงไป สมัยต่อมา โครงเก่าของตะโพนชื่ออานกะก็หายไป ยังเหลือแต่โครงลิ่ม แม้ฉันใด  

                ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกภิกษุในอนาคตกาล เมื่อเขากล่าวพระสูตรที่ตถาคตกล่าวแล้ว อันลึก มีอรรถอันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตธรรม อยู่ จักไม่ปรารถนาฟัง จักไม่เข้าไปตั้งจิตเพื่อรู้ และจักไม่สำคัญธรรมเหล่านั้น ว่าควรเล่าเรียน ควรศึกษา

                แต่ว่าเมื่อเขากล่าวพระสูตรอันนักปราชญ์รจนาไว้ อันนักปราชญ์ร้อยกรองไว้ มีอักษรอันวิจิตร มีพยัญชนะอันวิจิตร เป็นของภายนอก เป็นสาวกภาษิตอยู่ จักปรารถนาฟังด้วยดี จักเงี่ยโสตลงสดับ จักเข้าไปตั้งไว้ซึ่งจิตเพื่อรู้ และจักสำคัญธรรมเหล่านั้น ว่าควรเรียน ควรศึกษา

                ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระสูตรเหล่านั้น ที่ตถาคตกล่าวแล้ว อันลึก มีอรรถอันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตธรรม จักอันตรธาน ฉันนั้นเหมือนกัน

                เพราะเหตุดังนี้นั้น เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เมื่อเขากล่าวพระสูตรที่ตถาคตกล่าวแล้ว อันลึก มีอรรถอันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตธรรมอยู่ พวกเราจักฟังด้วยดี จักเงี่ยโสตลงสดับ จักเข้าไปตั้งไว้ซึ่งจิตเพื่อรู้ และจักสำคัญธรรมเหล่านั้นว่า ควรเรียน ควรศึกษา ดังนี้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แล ฯ

 

                                                                                                                                อาณิสูตร  สํ.  นิ. [๖๗๒-๖๗๓]

พระพุทธเจ้า...บรมครูแห่งสามแดนโลกธาตุ



นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

อิติปิโส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจะระณะ สัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสารถิ สัตถา เทวะมนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติฯ

การกลับมา...เพื่อทำหน้าที่ให้สมบูรณ์

นานมากแล้ว...ที่ห่างหายจากเวทีแห่งนี้
ผ่านเวลาเป็นขวบปี...ที่จากไป
แต่แล้วในที่สุด...เราต้องกลับมา

กลับมาทำหน้าที่...กลับมาสร้างความสำเร็จ
หากไม่กลับมา...งานที่มุ่งหวังตั้งใจจะทำ...ก็คงไม่สมบูรณ์
งานที่คั่งค้าง...พระศาสดาตรัสชี้โทษว่า...ไม่เป็นมงคล
ส่วนงานที่ไม่คั่งค้าง...ทรงสรรเสริญว่า...เป็นอุดมมงคล

"อนากุลา จ กัมมันตา เอตัมมังคละมุตตะมัง"

เราปรารถนาให้ชีวิตนี้...เต็มเปี่ยมด้วยมงคลเลิศ
และมั่นใจในบุญที่ตนขวนขวายมาอยู่ว่า...จะเป็นไปตามปรารถนาได้ไม่ยากนัก
อาจมีอุปสรรคขัดขวางทางมิใช่น้อย...แต่นั่นพระบรมศาสดาสอนให้ผ่านมันไปด้วยสติปัญญา

สติปัญญาอันน้อยนิด...ที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้
เราก็หวังอยู่ว่า...จักเพิ่มพูนยิ่งๆ ขึ้น
โดยคำชี้แนะ...จากปราชญ์บัณฑิตเจ้าทั้งหลายด้วย
โดยการศึกษาพิจารณาโลกและชีวิต...แห่งตนด้วย

เจตนาของเราต่อจากนี้ไป...คือ...การทำหน้าที่พุทธสาวกให้ดีที่สุด...เท่าที่จะสามารถทำได้
ภาระของเราต่อจากนี้...จักเป็นการผดุงพุทธธรรมคำสอน...ด้วยการปฏิบัติตนและเผยแพร่ "พุทธวจนะ"

นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ...อุดมโลก อุดมธรรมฯ